วังสระปทุม:  วันพุธที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๖๘ เวลา ๐๙.๐๐ น. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานพระราชวโรกาสให้ศาสตราจารย์ ดร. ไพรัช ธัชยพงษ์ กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี นำคณะผู้บริหารของมูลนิธิศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายและมูลนิธิอินเทอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทยเข้าเฝ้าฯ เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ให้กับโรงเรียนที่อยู่ในโครงการของมูลนิธิฯ

       มูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสดุา ฯ สยามบรมราชกุมารีดำเนินงานตามแนวพระราชดำริสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในกิจกรรมที่นำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และเทคโนโลยีสารสนเทศมาส่งเสริมและพัฒนาการศึกษาและคุณภาพชีวิตของเด็กและเยาวชนกลุ่มด้อยโอกาสต่างๆ ได้แก่ นักเรียนจากโรงเรียนในชนบท สามเณรจากโรงเรียนพระปริยัติธรรม นักเรียนจากโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม นักเรียนพิการ เด็กและชุมชนชายขอบที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล เด็กเจ็บป่วยในโรงพยาบาล ผู้ต้องขังในเรือนจำและเด็กและเยาวชนในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน

       มูลนิธิศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย (The Foundation of the Church of Jesus Christ of Latter-day Saints) ร่วมกับมูลนิธิอินเทอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทยดำเนินโครงการ Computer for Education เพื่อบริจาคอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ประกอบด้วย เครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ เครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก และเครื่องแทบเล็ต รวมมูลค่า ๘,๔๕๐,๓๒๕ บาท (แปดล้านสี่แสนห้าหมื่นสามร้อยยี่สิบห้าบาทถ้วน)  ให้กับโรงเรียนที่อยู่ในโครงการของมูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริฯ เพื่อใช้ประโยชน์ในการจัดการเรียนการสอน จำนวน ๓๓ แห่ง โดยมูลนิธิศาสนจักรของพระเยซูคริสต์ฯ สนับสนุนงบประมาณ ดำเนินการจัดซื้อเครื่อง และมูลนิธิอินเทอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทย ดำเนินการเรื่องการจัดอบรมการใช้งาน เช่น หลักสูตรอีคอมเมิร์ซ หลักสูตรอินเทอร์เน็ตปลอดภัยสร้างสรรค์ และอื่นๆ เพื่อให้โรงเรียนสามารถใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ได้รับไปให้เกิดประโยชน์สูงสุด  ปัจจุบันได้ส่งมอบและติดตั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ ให้แก่สถานศึกษา ประกอบด้วย โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ๒ แห่ง  โรงเรียนพระปริยัติธรรม ๘ แห่ง โรงเรียนสอนนักเรียนพิการ ๑๑ แห่ง และศูนย์ฝึกอบรมเด็กและเยาวชน จำนวน ๑๒ แห่ง เรียบร้อยแล้วและจะดำเนินการจัดอบรมตามแผนที่วางไว้ต่อไป