TH  |  EN

การประชุมคณะกรรมการมูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริ
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารีประจำปี 2568

     วังสระปทุม กทม. วันที่ 10 มีนาคม 2568 เวลา 9:00 น. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารีทรงเป็นประธานการประชุมประจำปี 2568 ครั้งที่ 1 ของคณะกรรมการมูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อรับทราบและพิจารณาผลการดำเนินงานปี 2567 และแผนดำเนินงานปี 2568

     สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งโครงการเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริฯ ขึ้นเมื่อพ.ศ. 2538 และจดทะเบียนจัดตั้งเป็นมูลนิธิในปี 2558 ให้มีพันธกิจในการนำเทคโนโลยีสารสนเทศ รวมทั้งวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอื่นไปลดความเหลื่อมล้ำของสังคม โดยมีกลุ่มเป้าหมายหลักในเบื้องต้น 4 กลุ่มได้แก่ เด็กนักเรียนในชนบท ผู้พิการ เด็กเจ็บป่วยเรื้อรังในโรงพยาบาล ผู้ต้องขังและเยาวชนในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน

     การประชุมประจำปีครั้งที่ 1/2568 ประกอบด้วยคณะกรรมการและที่ปรึกษามูลนิธิฯ จำนวน 14 คน และผู้เข้าร่วมประชุม (ผู้บริหารหน่วยงานเครือข่าย และนักวิจัยไทย) ร่วมประชุมทั้งออนไซต์และออนไลน์อีก 50 คน รวมเป็น 64 คน วาระการประชุมมีทั้งสิ้น 4 วาระ (ประกอบด้วยวาระย่อย 13 วาระ)

     ผลการดำเนินงานของมูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริฯ ในปี 2567 มีตัวอย่างที่สาคัญ อาทิ (1) การจัดตั้งสถานีวิจัยนานาชาติบนดวงจันทร์ ที่ดำเนินการโดยสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ ร่วมกับองค์การบริหารกิจการอวกาศของจีน เพื่อพัฒนาเครื่องวัดอนุภาคพลังงานสูง ได้แก่ อิเล็กตรอน อัลฟา และโปรตอน ภายใต้รังสืคอสมิคในอวกาศ และศึกษาผลกระทบระหว่างโลก ดวงจันทร์ และดวงอาทิตย์ เนื่องมาจากอนุภาคเหล่านี้ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนาต้นแบบนำส่ง สอบเทียบ พร้อมทดสอบในสภาวะอวกาศเหมือนดวงจันทร์ และความเข้ากันได้กับอวกาศยานฉางเอ๋อ 7 ของจีน  (2) การสร้างเครื่อเร่งอนุภาคเชิงเส้นเพื่อฉายรังสีเอ๊กซ์ผลไม้ ดำเนินการโดยสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน ปัจจุบันอยู่ระหว่างการทดสอบฉายรังสีเอ๊กซ์กับผลไม้เพื่อการปลอดเชื้อและเปรียบเทียบผลกับการฉายรังสีด้วยเครื่องนำเข้าจากต่างประเทศ เป้าหมายคือให้มีปริมาณรังสีที่เหมาะสมในการกำจัดเชื้อโรค และยังคงรักษาคุณค่าทางโภชนาการ และการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้สาหรับการบริโภค ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นในประเทศ (3) การติดตั้งเครืองไซโคลตรอนผลิตเภสัชภัณฑ์รังสี ดำเนินการโดยสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ เป็นเครืองเร่งอนุภาคชนิดหนึ่ง ใช้เร่งอนุภาคมีประจุ เช่นโปรตอน ให้มีพลังงานสูงขึ้น ในเส้นทางวงกลม ใช้ผลิตไอโซโทปที่ไม่เสถึยร จากไอโซโทปที่เสถียร เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ และเป็นการเพิ่มโอกาสการเข้าถึงยาของผู้ป่วยอีกด้วย  (4) การสร้างระบบนาฬิกาอะตอมเชิงแสง ดำเนินการโดยสถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ ซึ่งมีความแม่นยำประมาณ 10-16 วินาทีต่อวินาที่ มีความสำคัญ เพราะนาฬิกาที่มีความแม่นยำ จะทำให้โครงสร้างพื้นฐานด้านเวลาของประเทศดีขึ้น ซึ่งจะเป็นรากฐานที่สำคัญของระบบดิจิทัลของประเทศด้วย  (5) การจัดตั้งสถานีรับสัญญาณภาพถ่ายดาวเทียมของจีน ณ อุทยานรังสรรค์นวัตกรรมอวกาศ อ. ศรีราชา จ. ชลบุรี ดำเนินการโดยสถาบันเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยมีภาพถ่ายดาวเทียมรายละเอียดสูง สำหรับใช้ในภารกิจต่างๆ โดยเฉพาะในช่วงเกิดภัยพิบัติในประเทศ ได้อย่างรวดเร็วและทันท่วงที

     นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้รับทราบความก้าวหน้าของการดำเนินงานในอีกหลายโครงการ อาทิ โครงการภาคีวิศวกรรมชีวการแพทย์ โครงการความร่วมมือพัฒนาระบบแปลภาษาอัตโนมัติ ไทย-จีน จีน-ไทย กับสภาวิทยาศาสตร์แห่งชาติจีน โครงการคัดเลือกผู้รับทุนไปศึกษาระดับปริญญาโทและปริญญาเอก ณ สถาบันในต่างประเทศ ที่ทูลเกล้าฯ ถวายทุนการศึกษา แด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อพระราชทานแก่นักศึกษาจากประเทศไทย  โครงการวิจัยขั้วโลกตามพระราชดำริฯ ซึ่งในปีนี้จะมีกิจกรรมสำคัญ ได้แก่การต้อนรับการมาเยือนประเทศไทยของเรือตัดน้ำแข็งเสว่หลง 2 (Xuelong 2) ในช่วงระหว่างวันที่ 19-23 พฤษภาคม หลังจากเรือเสร็จสิ้นภารกิจการสำรวจทวีปแอนตาร์กติก และจะเดินทางกลับประเทศจีน ซึ่งจะมีการจัดกิจกรรมเยี่ยมชมเรือ การจัดสัมมนาและนิทรรศการ เป็นต้น โดยเป็นกิจกรรมเพื่อเฉลิมพระเกียรติ  สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุ 70 พรรษา 2 เมษายน 2568 และร่วมฉลองในโอกาสครบรอบความสัมพันธ์ ไทย-จีน 50 ปี ในปี 2568 อีกด้วย

     การทำงานของมูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริฯ ดังกล่าวข้างต้นลุล่วงด้วยดี ภายใต้การทำงานร่วมกับพันธมิตรจำนวนมากจากหลากหลายหน่วยงาน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ก่อให้เกิดการพัฒนาองค๋ความรู้ การพัฒนาบุคลากร ประชาชนได้รับประโยชน์ ตลอดระยะเวลาเกือบ 30 ปี ก็ด้วยความเลื่อมใสในพระบารมีของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสดุา ฯ สยามบรมราชกมุารี ที่ทรงมีพระเมตตาต่อปวงชนชาวไทย ทำให้บรรดาหน่วยงานภาครัฐ ทั้งระดับกระทรวง กรม กอง จังหวัด อำเภอ และตำบล รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน มหาวิทยาลัย สถาบันวิจัย รวมทั้งมูลนิธิ ทั้งหลายต่างร่วมมือร่วมใจ ให้การสนับสนุน ทั้งกำลังกาย กำลังใจ ความรู้ สติปัญญาและกำลังทรัพย์ ในทุกโครงการของมูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริฯ ตลอดมาจนถึงปัจจบุัน

สนใจร่วมสนับสนุนมูลนิธิหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
มูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี
73/1 อาคาร สวทช. ถนนพระราม 6 กรุงเทพฯ 10400
โทรศัพท์ 02 564 7000 ต่อ 81813, 81816, email : info@princess-it.org
www.princess-it.org